จากคุณ : ทรายอ้อนนิสต์ - [ 26 พ.ค. 46 14:00:37 A:203.209.18.181 X: ] วันก่อนผมได้ดู matrix อีกรอบ เก็บรายละเอียดได้มากขึ้น (แต่ก็ไม่ไหมดอยู่ดีแหละ) ดูแล้วคิดว่าต้องแก้ไขเกี่ยวกับประเด็น นีโอหยุดปลาหมึกที่มากัน 4-5 ตัว ตามภาพในจอ นีโอ จะหยุดปลาหมึกยักษ์ในอาการท่าทางเดียวกับตอนที่หยุดห่ากระสุน คือ ไม่ได้แตะต้องกับตัวปลาหมึก แต่คล้ายกับสร้างกำแพงกระจกตอนรับห่ากระสุนของพวกสมุนฝรั่งเศส ดังนั้นสมมติฐานที่ว่าใช้กระแสไฟ้าจากตัวไปช็อตก็คงไม่ใช่อย่างที่ผมเดา ส่วนหยุดด้วยพลังชนิดไหน อันนี้ถ้าให้ตอบก็ต้องเดาอีก .. ขี้เกียจเดาแล้ว ในฉากที่เจ้านคร (ท่านมนตรี) พูดกับ นีโอ เจ้านครบอกว่า เขาชอบเดินลงมาดูระบบเครื่องจักรที่นี่ (ชั้นล่าง) เพราะทำให้เขาลดความระแวงลงว่า เขาไม่ได้อยู่ใน matrix (คือระแวงสังสัยเหมือนกันว่า ไซอ้อน เป็น matrix ด้วยหรือเปล่า) แต่กระนั้นเขาก็ไม่อาจยืนยัน 100% ว่า ที่นี่ไม่ใช่ matrix แต่ฉากแรกๆที่เปิดประตูไซอ้อนจะเห็นพวกผู้หญิงที่คุมประตูทำงานแบบ เดิร้น มาก คืออยู่ในห้องสีขาวล้วน แล้วใช้มือ ชี้ลากปุ่มบนผนังกระจกใส ซึ่งไฮเทคมากๆ ตัดภาพอีกทีจะเห็นผู้หญิงคนเดิม (ถ้าดูไม่ผิด) กับพวกทำงานคุมประตูนอนบนแท่นเหมือนที่พวกนักรบนอนเข้าระบบ matrix ตรงนี้งงเหมือนกันว่า ในไซอ้อน มีระบบ matrix ใช้ทำงาน ??? ย้อนกลับไปฉากต้นๆอีกที ตอนประชุมนักรบฉากต้นๆ มีการพูดถึง sentinel (ปลาหมึกไล่ล่า ???) 250,000 ตัว ซึ่งนักรบบอกว่า เป็นการล่าชาวไซอ้อนรายหัว ตรงนี้ก็น่าจะแปลว่า ในไซอ้อนมีประชากรราวๆ 250,000 คน ตอนดูรอบสอง จะสังเกตได้ว่า เวลาตัวละครพูดเรื่องหนักๆ จะใช้คำทางปรัชญามาก เช่น human being, purpose (เจตนา), ิbelieve, faith (ศรัทธา), destny, chance (ทางเลือก) เป็นต้น อย่างตอนที่ สมิท มารุมยำ นีโอ เป็นครั้งแรก สมิทพูดว่า ถ้าฉันไม่มีเจตนา (purpose) ฉันก็ไม่มีตัวตน เหมือนพวกมนุษย์แหละ ถ้าไม่มี purpose ก็ไม่มี human being (ตัวตน) ฉันระลึกได้ว่า เจตนาก่อนหน้าของฉันคือ ทำลายแก (ทำลาย neo) ดังนั้น มันจึงเป็นความจำเป็นของฉันที่ต้องทำลายแก เพราะเมื่อมี purpose ฉันก็ดำรงอยู่ ตอนที่นีโอ เจอกับพวกฝรั่งเศส ตอนนี้ฝรั่งเศสก็พูดปรัชญายาวเหยียด ฟังพอเข้าใจ แต่จำไม่ค่อยได้ จำได้ว่า ตอนหนึ่งพูดถึเรื่องความงาม แต่ตอนที่เด่นสุด เห็นจะเป็นฉากสำคัญอันเดิม คือตอนที่ neo เจอสถาปนิก ในตอนที่นีโอเลือกประตูที่ไปช่วย ทรีนิตี้ สถาปนิก พูดประชดว่า นี่หรือคนที่เป็น "ความหวัง" ของไซอ้อน ทำนองว่า ... ชอบพูดกันนักว่าต้องการ "ทางเลือก" แต่เมื่อได้ "ทางเลือก" กลับเลือกโดยใช้อารมณ์ไปเสียนี่ (นีโอใช้อารมณ์รักในการเลือก) เลือกโดยใช้เหตุใช้ผลกันซะที่ไหน เป็นการสรุปบทสนทนาที่แสบสันต์มาก (แสบตรงที่พูดได้ตรงและจริง) ประเด็นใหม่เรื่อง หนังปรัชญา-หนังแอ็กชั่น ตรงนี้ผมมองว่า หนังสามารถสร้างผสมได้หลายระดับ สำหรับคนดูหลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มก็ได้ความบันเทิงส่วนนั้นไป เช่นกลุ่มคลั่งไคล้ดารา การได้ดูดาราก็พอใจแล้ว กลุ่มคนทำงาน มีความเครียดทั้งที่บ้านและที่ทำงาน ก็อาจอยากดูหนังที่ไม่ต้องคิดมาก อาจอยากดูฉากรุนแรง กลุ่มวัยรุ่นหรือนักศึกษาซึ่งสงสัยเรื่องชีวิต-ความหมายชีวิต ก็อาจชอบที่มันมีน้ำเสียงปรัชญา ๆ เป็นต้น ดังนั้น ถ้าหนังผสมสิ่งเหล่านี้ได้พอจะลงตัว รวมทั้งการสร้างสรรค์สิ่งที่แปลกใหม่แปลกตาให้คนดูตื่นตาตื่นใจ มันก็น่าขายได้ในวงกว้างนะครับ ผมว่า - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - อีกนิด พอดีจำได้ ที่สถาปนิกพูดตอนท้ายว่า "ความหวัง" นั้น สถาปนิกพูด 2 นัย นัยแรกคือประชดคำว่า "hope" ซึ่งรู้กันดีว่า ชาวไซอ้อนตัวสำคัญอันได้แก่ เจ้านคร (ท่านมนตรี) กับมอเฟียส ตั้งความหวังการอยู่รอดของไซอ้อนไว้กับ neo คนเดียว นัยแรกนี้เป็นทำนองว่า hope เป็นสิ่งนอกสารบบของ การใช้เหตุใช้ผล แต่พวกมนุษย์ก็นิยม "สร้างความหวัง" กันเหลือเกิน และยึดถือจริงมากกว่าจะนั่งคิดวิเคราะห์เรื่องต่างๆแบบวิทยาศาสตร์ นัยที่ 2 คือ ตัว hope-นีโอ ของไซอ้อน ได้ทรยศ ผู้มี hope-เจ้านครและมอเฟียส ของไซอ้อนอย่างไม่ไยดี กล่าวคือ นีโอ เลือกประตูที่อาจทำให้มนุษย์ทั้งในไซอ้อนและทั้งโลกตายกันหมด แต่กระนั้น ดูเหมือน สถาปนิกได้เรียนรู้อีกอย่างหนึ่งว่า (ถ้าจับความไม่ผิดนะครับ) นี่เป็นสิ่งมหัศจรรย์สำหรับความเป็นมนุษย์ เพราะ บางสิ่งบางอย่างในตัวมนุษย์นั้น สามารถก่อให้เกิดเป็นความอ่อนแออย่างทีสุด และแข็งแกร่งอย่างที่สุด ตรงนี้คล้ายกับหันมาชื่นชมความเป็นมนุษย์ที่เป็นสิ่งสุดมหัศจรรย์ในทัศนะของเครื่องจักร อีกฉากหนึ่ง .. ฉาก neo พูดกับ oracle เมื่อ neo ถามว่า ทำไมเขาฝันเห็นทรีนิตี้ในอนาคต คำตอบของ oracle ฟังยากมาก จับความได้แต่เพียงว่า เมื่ออะไรสักอย่างมาถึงจุดหนึ่ง กาลเวลาก็จะหายไป อดีตปัจจุบันอนาคตจะอยู่ในมิติเดียวกัน (ใช่รึเปล่าหวา .. ฟังไม่ทัน) จะหาบทหนังเรื่องนี้ได้ที่ไหนเนี่ย ใครรู้ช่วยบอกที ประเด็นสุดท้าย ... สุดยอด จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจของผู้ส้รางก็ตาม ... ความเป็นไปของโลกนี้หลักใหญ่ๆ อยู่ในกำมือของคนไม่กี่คน หรือการตัดสินใจของคนไม่กี่คน ซึ่งหลายๆ ครั้ง คนกลุ่มเล็กๆ นี้ ไม่ได้เป็นทั้งตัวแทน และไม่ได้สนองความต้องการของคนส่วนใหญ่ ลักษณะนี้ เป็นสิ่งที่ดำเนินมาตลอดประวัติศาสตร์ของมนุษย์ โดยมี มนุษย์จำนวนมากมายมหาศาลที่ "รับกรรม" จากน้ำมือของคนไม่กี่คน สงคราม เมกา-อิรัก เกิดจากการตัดสินของกลุ่มที่มีอำนาจทางการปกครอง ไม่ว่าจุดสุดท้ายของสงครามใครจะแพ้ใครชนะ ที่แน่ๆคือ ความตาย-ความทุกข์ยาก เกิดแก่ประชาชน ประชาชน ผู้ไม่มีสิทธิ์เลือกว่า ต้องการ หรือไม่ต้องการสงคราม แต่ได้รับผลกระทบเต็มๆมาตลอด ในอดีต สงครามแย่งชิงขยายอาณาจักร ดำเนินการโดยกลุ่มคนผู้มีอำนาจ แต่มีอิทธิพลทำให้ชนเผ่าหลายเผ่า สิ้นเผ่าพันธ์ไปจากโลกพร้อมกับอารยธรรมของชนเผ่านั้น มีการพูดกันว่า เจ็งกีสข่าน ทำให้ยุโรปเข้าสู่ยุคมืดเป็นเวลาประมาณ 500 ปี เช่นเดียวกับในหนังเรื่อง matrix สถาปนิก ถาม neo ว่า คุณพร้อมจะรับผิดชอบความอยู่รอดของพลโลกทั้งหมดไหม (ถ้า ปราชากรไซอ้อน=250,000 =0.1% ของประชากรโลกทั้งหมด ดังนั้นประชากรโลกจะ=250 ล้านคน) นี่เป็นคำถามระหว่าง คน 2 คนที่มีอำนาจกำหนดความเป็นอยู่ของคนทั้งโลก คล้ายๆกับที่ บุช ถาม ซัดดัม ว่า เอ็งพร้อมจะรับผิดชอบความตายที่จะเกิดกับคนของเอ็งหรือไม่ (ปานนั้นเชียว ฮ่าๆๆ) ตรงนี้ต่างกับ matrix ที่ว่า ทั้งบุชและซัดดัม ไม่ได้มีความคิดที่จะรับผิดชอบต่อคนอิรักทั้งคู่ ทั้งคู่ต่างก็ต้องการผลประโยชน์จากคนอิรัก และพร้อมจะทำทุกประการโดยไม่สนใจว่า คนอิรักจะตายทันทีและตายในอนาคตกี่แสนคน ชักไปไกล กลับเข้าเรื่องดีกว่า แต่ matrix มีประเด็นที่ต่างจากโลกจริงแบบหน้ามือกับหลังตีน คือ matrix มีความชอบธรรมในการปกครองมนุษย์ เพราะมนุษย์ 99.9% ยอมรับ matrix ลองนึกถึงฉากที่ neo พบกับ oracle สิ ทั้งสองพบกันในแถบเอเชีย เราเห็นภาพคนเอเชียอยู่กันปกติสุขดี มีสินค้า มีคนเดินซื้อ-ขาย สินค้ามากมาย ตรงนี้ทำให้เถียงยากมากว่า matrix ไม่มีความชอบธรรมและไม่ควรปกครองต่อ อีกประการหนึ่ง matrix ปกครองด้วย ตรรกะ-เหตุผล แต่ neo กลับต่างออกไป neo กลับตัดสินใจแบบเดียวกับมนุษย์อย่างบุช-ซัดดัม ตัดสินใจ คือ ไม่สนว่า ใครจะเป็นจะตาย และไม่ว่าจะตายมากน้อยแค่ไหน neo สนใจแต่ความตายของ ทรีนิตี้ คนเดียว ... คนเดียวเท่านั้น ... จริงบ่ เอาละสิ neo นี่มันผู้ร้ายชัดๆเลยนี่หว่า !?! จบคาใจแบบนี้แหละ (อิอิ)