ในสมัยก่อน อาณาจักรเดลโทร่า ถูกแบ่งแยกออกเป็นเจ็ดเผ่า
แต่ละเผ่าทำการสู้รบอยู่บนเขตแดนของตนไม่รุกล้ำดินแดนของกันและกัน
แต่ละเผ่าครอบครองอัญมณีที่ได้มาจากใต้ดินลึกลงไป มันคือเครื่องรางที่มีอำนาจวิเศษ
แล้วเวลานั้นก็มาถึง เมื่อศัตรูจาก ชาโดว์แลนด์
กวาดสายตาอัน
ละโมบมายังอาณาจักรเดลโทร่า เผ่าต่างๆ ถูกตีแตกพ่ายกระเจิง
และไม่มีสักเผ่าเดียวที่สามารถขับไล่ผู้รุกรานออกไปได้ ผู้รุกรานเริ่มได้รับชัยชนะ
มีวีรบุรุษผู้หนึ่งนามว่า อดิน เขาลุกขึ้นสู้ท่ามกลางคนทั้งปวง
เขาเป็นผู้ชายธรรมดา เป็นช่างตีเหล็ก ผู้ทำดาบและชุดเกราะและเกือกม้า
แต่เขาได้รับพรจากสวรรค์ให้มีความแข็งแกร่ง ความกล้าหาญ และความเฉลียวฉลาด
คืนหนึ่ง อดินฝันเห็นเข็มขัดที่มีความพิเศษและงดงามไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือน
เป็นเข็มขัดที่ถูกสร้างขึ้นจากแผ่นเหล็กเจ็ดแผ่นซึ่งถูกตีให้มีความบางเท่ากับเส้นไหม
และเชื่อมต่อกันด้วยโซ่เหล็กเนื้อดี แต่ละแผ่นจะมีอัญมณีของแต่ละเผ่าฝังติดอยู่
ด้วยตระหนักว่าความฝันนั้นได้มอบหมายภารกิจบางอย่างให้เขากระทำ
อดินจึงเริ่มทำงานอย่างลับๆ เป็นเวลาหลายเดือนเพื่อสร้างเข็มขัด
ให้เหมือนอย่างกับที่เขาได้เห็นในความฝันนั้น หลังจากนั้นเขาได้เดินทางไปทั่วอาณาจักร
เพื่อเกลี้ยกล่อมให้ชนแต่ละเผ่ายินยอมให้เขานำเอาเครื่องรางของพวกตนมาฝังลงไปบนนั้น
เมื่อแรก ชนเผ่าแต่ละเผ่ามีความสงสัยและระมัดระวังตัว
แต่แล้วแต่ละเผ่า เริ่มจากเผ่าหนึ่งไปอีกเผ่าหนึ่ง ด้วยความหมดหวังที่จะปกป้องดินแดนของตน
จึงยินยอมตามคำขอของเขา ในขณะที่อัญมณีแต่ละเม็ดถูกนำเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเข็มขัด
เผ่าที่ครอบครองอัญมณีเม็ดนั้นๆ ก็มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
แต่ผู้คนก็เก็บงำความลับแห่งความแข็งแกร่งของตัวเองเอาไว้ และรอคอยเวลาของตน
และในที่สุดเมื่อเข็มขัดเสร็จสมบูรณ์ อดินจึงคาดมันเข้ากับเอวของตน
แล้วมันก็เปล่งแสงสว่างวาบราวแสงอาทิตย์ หลังจากนั้นทุกเผ่าจึงมารวมกันอยู่ภายใต้การนำของเขา
เพื่อก่อตั้งกองทัพอันยิ่งใหญ่และได้ร่วมกันขับไล่ศัตรูของตนออกไปจากดินแดนได้สำเร็จ
ด้วยเหตุนี้เอง อดินจึงได้กลายมาเป็นพระราชาองค์แรกของเผ่าที่รวมตัวกันแห่งเดลโทร่า
และปกครองแผ่นดินอย่างยาวนานและเต็มไปด้วยสติปัญญา
แต่เขาไม่เคยลืมว่าตัวเองเป็นเพียงแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง
และความไว้วางใจที่ประชาชนมีในตัวเขาคือขุมพลังอำนาจของเขา
อีกทั้งยังไม่เคยลืมว่าศัตรูนั้นแม้จะพ่ายแพ้ไปแล้วแต่ยังไม่ถูกทำลาย
เขารู้ว่าศัตรูฉลาดและเต็มไปด้วยเล่ห์กระเท่ห์ และเพราะความโกรธแค้น
และความอิจฉาริษยาของมัน จะทำให้เวลาหนึ่งพันปีผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว
ราวกับเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว ดังนั้นเขาจึงคาดเข็มขัดไว้ตลอดเวลา
และไม่เคยปล่อยให้มันคลาดไปจากสายตาเลย
พระราชาองค์แรกที่เอาเข็มขัดไว้ห่างตัวคือหลานชายของอดิน
นั่นคือพระราชา เอลสเตรด ผู้ซึ่งเมื่อครั้งที่อยู่ในวัยกำลังกินกำลังนอน
ได้อ้วนขึ้นเพราะอาหาร และพบว่าแผ่นเหล็กของเข็ดขัดบาดท้องของเขาอย่างรุนแรง
มหาอำมาตย์ของเอลสเตรดได้ปลอบโยนเขาให้หายจากความกลัวโดยบอกว่า
จะต้องคาดเข็มขัดแค่เพียงในช่วงที่มีเหตุการณ์สำคัญๆ เท่านั้น
ราชินี อดินา บุตรีของเอลสเตรดดำเนินรอยตามบิดาของตน
โดยคาดเข็มขัดแค่เพียงห้าครั้งเท่านั้น ตลอดระยะเวลาที่นางครองราชย์
พระราชา แบรนดอน บุตรชายของนางคาดมันเพียงแค่สามครั้งเท่านั้น
และในที่สุด ก็ได้กลายเป็นจารีตประเพณีที่ถือปฏิบัติสำหรับเข็มขัด
ว่ามันจะถูกนำมาใช้คาดเอวเพียงแค่ในวันที่องค์รัชทายาทจะขึ้นครองบัลลังก์เท่านั้น...
เมื่อมีเสียงสนับสนุนจากมหาอำมาตย์ จึงทำให้พระราชาแบรนดอน มีรับสั่งให้เผ่า
ราลัด
ซึ่งมีความชำนาญเป็นเลิศในด้านการก่อสร้าง ดำเนินการสร้างพระราชวังใหญ่ขึ้นมาบนเนินเขากลางนครแห่งเดล
หลังจากนั้นเชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์จึงได้ย้ายจากโรงตีเหล็กอันเก่าแก่คร่ำครึของช่างตีเหล็ก
เข้ามาอยู่ในพระราชวัง และต่อมามันก็ได้กลายเป็นจารีตประเพณี
ในการที่เชื้อพระวงศ์จะต้องอยู่แค่ภายในอาณาบริเวณของกำแพงเท่านั้น
ซึ่งเป็นที่ที่จะไม่มีอันตรายใดๆ มาคุกคามได้
Next Deltory
Quest Book 1
The Forest of Silence